ข้อดี
1. ได้เรียนกับสุดยอดฝีมือ
ข้อดีที่สุดของการเรียนเอกดนตรีคือคุณจะได้เรียนกับอาจารย์ที่เป็นนักดนตรีระดับท๊อบของประเทศนี้
รวมถึงอาจารย์ชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกที่มีพร้อมทั้งฝีมือ ประสบการณ์
อาจารย์บางท่านอาจรับสอนprivateนอกมหาลัย
แต่แอดมินขอยืนยันว่าไม่มีที่ไหนรวมสุดยอดฝีมือไว้เท่ามหาลัยดนตรีอีกแล้ว
2. มีconnectionด้านดนตรี
อาชีพนักดนตรีนั้นconnectionสำคัญไม่น้อยไปกว่าฝีมือ
การได้เรียนเอกดนตรีจะทำให้คุณได้เปรียบเรื่องconnectionเป็นอย่างมาก
เพราะคุณจะได้เจอทั้งเพื่อน ทั้งครู รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่อยู่ในวงการดนตรีต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลง โรงเรียนสอนดนตรี โรงแรม ร้านอาหาร
ทำให้คุณหางานด้านดนตรีได้ง่ายขึ้นเยอะทีเดียว
3. มีเวลาซ้อมมากกว่าคนอื่น
เพราะคุณจะไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนวิชาที่ไม่จำเป็นมากเกินไป (อาจจะมีวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับดนตรีบ้างแต่ไม่เยอะ)
ทำให้คุณจะมีเวลาซ้อมมากกว่าคนที่เรียนในสายอื่นแน่นอน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจำขยันซ้อมขนาดไหนแล้วล่ะ
เพราะถ้าคุณไม่ขยัน ต่อให้มีเวลาวันละ 48 ขม.ก็ไม่มีประโยชน์ จริงมั้ยครับ?
4. ได้ความรู้รอบด้าน
เพราะการเรียนเอกดนตรีนั้นไม่ได้เรียนเฉพาะวิชาปฏิบัติ แต่รวมถึง ประวัติศาสตร์ ทฤษฎี การประพันธ์
หลายๆสิ่งที่แทบจะหาเรียนไม่ได้นอกมหาลัย การได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเข้าใจดนตรีดีขึ้น
และแน่นอนคุณจะเป็นนักดนตรีที่ดีขึ้น
5.ได้ประสปการณ์ในการขึ้นแสดงดนตรี
อะไรคือความแตกต่างที่สุดระหว่างนักดนตรีสมัตรเล่นกับนักดนตรีอาชีพ?
ไม่ใช่ฝีมือ ไม่ใช่เครื่องดนตรี แต่คือประสบการณ์
มหาลัยดนตรีสามารถให้ประสบการณ์ที่คุณไม่สามารถไปหาที่ไหนได้
ไม่ว่าจะเป็นการได้ขึ้นเวทีทุกเดือนทุกสัปดาห์ การได้เล่นดนตรีกับเพื่อนเก่งๆ หรือการได้รับคอมเม้นต์จากอาจารย์
สิ่งเหล่านี้ล้ำค่าและหาได้ยากมากครับ แต่คุณจะได้ครบแน่ๆหากตัดสินใจเรียนเอกดนตรี
ข้อเสีย
1. ค่าใช้จ่ายสุดแพง
การเรียนเอกดนตรีนั้น เต็มไปด้วยรายจ่ายมากมาย ทั้งค่าเทอมสุดแพง บางมหาลัยอาจถึงเทอมละ1แสนบาท
ค่าเครื่องดนตรี ค่าอุปกรณ์ต่างๆ เอฟเฟกต์ แลปท็อบ เป็นการลงทุนที่ราคาสุดแพงทั้งสิ้น
2. อาจทำให้คุณรักดนตรีน้อยลง
คุณเคยซ้อมตอนที่คุณอยากซ้อม ฟังตอนที่คุณอยากฟัง เล่นตอนที่คุณอยากเล่น
แต่ถ้าคุณเรียนเอกดนตรีเมื่อไหร่ สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป
ในวันที่คุณเบื่อดนตรีที่สุด คุณก็ต้องซ้อมไม่ซ้อมก็สอบตก
คุณต้องฟังเพลงที่คุณไม่ชอบ แกะเพลงที่คุณไม่อยากแกะ
เพราะดนตรีจะไม่ใช่งานอดิเรกของคุณอีกต่อไป
แต่มันจะกลายเป็นอาชีพ คุณจะไม่ได้เล่นดนตรีเพื่อความสุขอย่างเดียว
แต่เพื่อความอยู่รอดด้วย และถ้าคุณไม่ได้รักมันจริงๆคุณจะค่อยๆเบื่อ หรืออาจถึงขั้นเกลียดการเล่นดนตรีไปเลยก็ได้
3. สายงานแคบ/ความรู้ด้านอื่นน้อย
เมื่อคุณตัดสินใจเลือกทางเดินนี้แล้ว โอกาสที่คุณจะเปลี่ยนสายงานนั้นแทบจะไม่มี หรือมีน้อยมากๆ
เพราะความรู้ด้านอื่นๆของคุณนั้นจะไม่สามารถสู้กับคนที่เรียนสาขาอื่นได้เลย
4. ใบปริญญาไร้ค่า
หลังจากคุณเรียนจบ คุณจะแทบไม่ได้เห็นใบปริญญาของคุณอีกต่อไป
เพราะเมื่อคุณไปสมัครงานโดยเฉพาะงานเล่นดนตรี
จะไม่มีใครถามคุณว่าคุณเรียนจบที่ไหน ได้เกรดเท่าไหร่
ทุกที่ที่คุณไปจะให้คุณแสดงฝีมือเพื่อออดิชั่นทั้งนั้น
นั่นหมายถึง ต่อให้คุณจบมหาลัยดนตรีระดับท๊อบของประเทศ แต่คุณฝีมือไม่ดีพอ
คุณก็มีสิทธิเป็นนักดนตรีตกงานได้ง่ายๆเหมือนกัน
5. รายได้เฉลี่ยต่ำ การลงทุนสูง
หลายคนอาจมองภาพนักดนตรีว่ามีเงินเยอะ รวย มีชื่อเสียง
จริงครับ นักดนตรีที่ประสบความสำเร็จส่วนนึงเป็นแบบนั้น
แต่นั่นเป็นเพียงส่วนน้อย นักดนตรีส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศไทย มีปัญหาเรื่องรายรับพอสมควรทีเดียว
หลายคนต้องทำงานพิเศษ หรือบางคนต้องเลิกเล่นดนตรีเพื่อหางานประจำทำ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี
นักดนตรีและครูสอนดนตรีนี่แหละครับคืออาชีพแรกๆที่จะตกงาน
6. ไม่ต้องจบดนตรีก็เป็นนักดนตรีได้
ถ้าคุณจบหมอ คนที่จะแย่งานคุณได้ก็จะมีแต่หมอ
ถ้าคุณจบกฏหมาย ก็ไม่มีใครแย่งงานคุณได้นอกจากนักกฏหมายด้วยกัน
แต่นักดนตรีเป็นอาชีพที่ไม่ต้องมีใบอณุญาตินะครับ เรียนจบอะไรมาก็เป็นได้
คนทุกสายงานพร้อมจะแย่งงานคุณทำเสมอ
อย่างที่บอกในข้อ 4 ครับ ไม่มีใครขอดูใบปริญญาคุณเมื่อคุณไปสมัครงาน
ใครเล่นเก่งกว่าก็ได้งานไปครับ
Check list ถ้าคุณมีสิ่งเหล่านี้ครบ คุณควรเรียนเอกดนตรี
- สามารถซ้อมวันละ3-5ชม.หรือมากกว่านั้นได้
- ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน
- อยู่กับดนตรีได้ตลอดเวลา ฟังคุยเล่นซ้อม
- อยากเรียนดนตรีด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะเรียนอะไร
- คิดว่าชีวิตนี้ไม่อยากทำงานอย่างอื่นแล้วนอกจากงานดนตรี